จากคลัสเตอร์โควิด-19 สู่แคมป์คนงานปลอดโควิด

แคมป์คนงานในกรุงเทพฯแห่งหนึ่งซึ่งเคยเป็นคลัสเตอร์ของการระบาดของโควิด-19 และถูกสั่งให้ปิดในเดือนมิถุนายน ขณะนี้ได้กลายเป็นเขตปลอดโควิดหลังจากที่องค์การอนามัยโลกและภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันให้ความรู้แก่แรงงานข้ามชาติและจัดให้มีการตรวจหาเชื้ออย่างสม่ำเสมอ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2564 แรงงานก่อสร้าง 402 คนได้รับการตรวจโควิด19 ที่แคมป์คนงานก่อสร้างในเขตบางซื่อทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ ผลตรวจทั้งหมดออกมาเป็นลบ 

โดยการสนับสนุนจากสหภาพยุโรป การตรวจแบบปูพรมซึ่งใช้เวลาทั้งหมด 5 ชั่วโมงนี้ได้ถูกจัดขึ้นโดยมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย และองค์การอนามัยโลก ภายใต้โครงการความร่วมมือของสหภาพยุโรปและองค์การอนามัยโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเชียงใต้ ว่าด้วยการรับมือและความพร้อมต่อโรคระบาดในประเทศไทย สภากาชาดไทยและมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติได้บริจาคชุดตรวจแอนติเจนด้วย

แคมป์แห่งนี้เป็นหนึ่งในแคมป์คนงานก่อสร้างกว่า 575 แห่งในกรุงเทพฯ แรงงานเหล่านี้ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนครบแล้วถูกว่าจ้างให้สร้างอาคารคอนโดมิเนียมทั่วกรุงเทพฯ ตามที่ได้มีการสำรวจไปเมื่อเดือนมิถุนายนโดยกรุงเทพมหานคร มีแรงงานข้ามชาติกว่า 46,915 คนและแรงงานไทยกว่า 34,148 คนอาศัยอยู่ในแคมป์เหล่านี้ ซึ่งพวกเขาทำงานในไซด์ก่อสร้างกว่า 615 แห่งทั่วกรุงเทพฯ

เจ้าหน้าที่บางส่วนที่ทำการตรวจและให้คำปรึกษาแก่แรงงานข้ามชาติเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าวซึ่งผ่านการอบรมโดยมูลนิธิศุภนิมิต องค์การอนามัยโลกและกรมควบคุมโรค ภายใต้กระทรวงสาธารณสุข

เมี๊ยะเมี๊ยะ วิน แรงงานก่อสร้างวัย 29 ปีจากเมียนมากล่าวว่า เธอได้รับวัคซีนโควิด19 เข็มที่สองในเดือนตุลาคม แต่อย่างไรก็ตามเธอและเพื่อนร่วมงานยังคงทำตามมาตรการทางสาธารณสุขและมาตรการความปลอดภัยโดยการสวมหน้ากากและรับการตรวจเมื่อใดก็ตามที่มีชุดตรวจพร้อม เมื่อถามว่าโควิด19 กระทบกับชีวิตเธออย่างไร เมี๊ยะเมี๊ยะ วิน กล่าวว่า “เมื่อพวกเราบางคนติดโควิด19 เราก็ไม่สามารถทำงานได้เป็นเวลา 14 วัน ยังโชคดีที่เราได้รับค่าจ้างในช่วงนั้น”

จียอ เต๊ะ คาย อาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าววัย 34 ปี บอกองค์การอนามัยโลกว่า บทบาทของเขาคือการอบรมแรงงานข้ามชาติให้รู้จักป้องกันตัวเองจากโรคโควิด19 ในขณะที่กำลังรอผลการตรวจ และให้คำปรึกษาแก่ใครก็ตามที่มีผลตรวจเป็นบวก หรือมีข้อกังวลและคำถามเกี่ยวกับโควิด 19 เขายังเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอาสาสมัครที่ทำงานรับโทรศัพท์สายด่วนแรงงานข้ามชาติอีกด้วย

“ความเข้าใจผิดและข่าวลือเกี่ยวกับโควิด19 แพร่หลายไปทั่วในชุมชนแรงงานข้ามชาติ ดังนั้นผมจึงบอกให้พวกเขารับข่าวสารข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือได้ หรือให้ติดต่ออาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว และบอกว่าไม่ให้อ่านและแชร์ข้อมูลจากสื่อสังคมออนไลน์” จียอ เต๊ะ คาย หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า “แพทริค” กล่าว

การอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าวและการจัดให้มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในแรงงานข้ามชาติยังคงเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากสหภาพยุโรปและดำเนินการโดยองค์การอนามัยโลกและมูลนิธิศุภนิมิต โครงการนี้ดำเนินการในกรุงเทพและจังหวัดปริมณฑลสี่จังหวัด และได้อบรมอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว 156 คน อีกทั้งจัดหาชุดอุปกรณ์ป้องกันตนเองให้แก่แรงงานข้ามชาติจำนวน 2,250 คน ตลอดจนจัดหาชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นและสิ่งของจำเป็นให้แก่แรงงานข้ามชาติ 1,410 คนในช่วงที่ต้องกักตัว

ดร.สราวุธ ราชศรีเมือง ผู้อำนวยการมูนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยกล่าวว่า อาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าวเป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมสถานการณ์ของโควิด-19 ในชุมชนข้ามชาติ “การที่มีแรงงานข้ามชาติมาเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าวนั้นสำคัญมาก เพราะพวกเขาพูดภาษาเดียวกันกับแรงงานข้ามชาติ ดังนั้นเขาสามารถสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและสามารถแบ่งปันข้อมูลที่ถูกต้องกับคนในชุมชน”

ดร.สุรสักย์ ธไนศวรรยางกูร ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแรงงานต่างด้าวขององค์การอนามัยโลกมีข้อสังเกตว่า สถานการณ์โควิด-19 ในชุมชนแรงงานข้ามชาติดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นอัตราการตรวจพบผลบวกลดลงจากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 4 นี่เป็นเพราะบริษัทก่อสร้างต่างๆทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อปกป้องแรงงานข้ามชาติ โดยการทำตามแนวทางและมาตรการป้องกันของกรมอนามัยสำหรับแคมป์คนงานก่อสร้าง ซึ่งเป็นมาตรการที่ได้พัฒนาร่วมกับองค์การอนามัยโลก ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือการมีส่วนสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้แก่แรงงานข้ามชาติ และนอกจากนี้ดร.สุรสักย์ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทก่อสร้างหลายแห่งได้จัดให้มีสถานที่แยกกักและพักฟื้นสำหรับแรงงานข้ามชาติที่มีผลตรวจเป็นบวกด้วย ส่วนนี้ช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายไปยังแรงงานข้ามชาติคนอื่นในสภาวะที่ต้องอาศัยอยู่ร่วมกัน ซึ่งทำให้พวกเขาตกอยู่ความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อ และอาจนำไปสู่การเกิดกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ได้

อ่านข่าวต้นฉบับ