เกินครึ่งของผู้ปกครองและหญิงตั้งครรภ์ต้องเผชิญการตลาดรุกหนักของผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับทารกและเด็กเล็ก
กรุงเทพมหานคร (9 สิงหาคม 2566) – รายงานฉบับใหม่เผยรายละเอียดว่า อุตสาหกรรมนมผงสำหรับทารกและเด็กเล็กทุ่มงบมูลค่ากว่า 55,000 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อส่งเสริมการตลาด ซึ่งส่งผลต่อโภชนาการในเด็กและละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ
รายงานการสำรวจโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) พบว่าผู้ปกครองและหญิงตั้งครรภ์กว่าครึ่ง (51%) ตกเป็นเป้าหมายทางการตลาดของบริษัทผลิตนมผงสำหรับทารกและเด็กเล็ก ซึ่งส่วนมากเป็นการละเมิดมาตรฐานสากลในเรื่องการให้อาหารทารก
รายงาน “การตลาดของผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับทารกและเด็กเล็กมีผลต่อการตัดสินใจให้อาหารทารกอย่างไร” ใช้การสัมภาษณ์ผู้ปกครอง หญิงตั้งครรภ์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในแปดประเทศ รายงานนี้เปิดเผยถึงกลยุทธทางการตลาดซึ่งไร้จรรยาบรรณของอุตสาหกรรมนมผงสำหรับทารกและเด็กเล็ก (ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าพุ่งสูงถึง 55,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อโน้มน้าวการตัดสินใจของผู้ปกครองเรื่องอาหารสำหรับทารก
รายงานฉบับนี้พบว่า การตลาดของอุตสาหกรรมนมผงสำหรับทารกและเด็กเล็ก นั้นประกอบด้วยเทคนิคต่างๆ อาทิเช่น การรุกเข้าถึงเป้าหมายผ่านช่องทางออนไลน์โดยที่ไม่มีการกำกับดูแล การเป็นสปอนเซอร์เครือข่ายและสายด่วนให้ความช่วยเหลือ การจัดโปรโมชั่นและให้ของแถม และพฤติกรรมอื่นๆ ที่มีผลต่อการฝึกอบรมและการให้คำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ข้อมูลที่ผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้รับมักจะชักนำให้เกิดความเข้าใจที่ผิด ไม่มีหลักฐานรองรับทางวิทยาศาสตร์ และละเมิดหลักเกณฑ์สากลว่าด้วยการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก ซึ่งเป็นข้อตกลงด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศที่ได้ผ่านการเห็นชอบในที่ประชุมสมัชชาอนามัยโลกในปี ค.ศ.1981 (พ.ศ. 2524) เพื่อคุ้มครองแม่จากการรุกหนักทางการตลาดโดยอุตสาหกรรมอาหารทารกและเด็กเล็ก
“รายงานนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การตลาดนมผงสำหรับทารกและเด็กเล็กยังคงมีอยู่อย่างแพร่หลาย สร้างความเข้าใจผิด และทำการตลาดแบบรุกหนักชนิดที่ยอมรับไม่ได้” นายแพทย์ ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกกล่าว “ควรมีมาตรการกำกับดูแลการส่งเสริมการตลาดที่แสวงหาผลประโยชน์เช่นนี้อย่างเร่งด่วนและบังคับใช้กฎหมายเพื่อปกป้องสุขภาพเด็กอย่างจริงจัง”
จากรายงานซึ่งได้ทำการสำรวจผู้ปกครองและหญิงตั้งครรภ์จำนวน 8,500 ราย และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 300 รายในประเทศบังคลาเทศ จีน เม็กซิโก โมรอคโค ไนจีเรีย แอฟริกาใต้ สหราชอาณาจักรและเวียดนาม พบว่า การตลาดนมผงสำหรับทารกและเด็กเล็กเข้าถึงร้อยละ 84 ของผู้หญิงที่ตอบแบบสำรวจในสหราชอาณาจักร ร้อยละ 92 ของผู้หญิงที่ตอบแบบสำรวจในเวียดนาม และ ร้อยละ 97 ของผู้หญิงที่ตอบแบบสำรวจในจีน ซึ่งเพิ่มแนวโน้มในการที่พวกเขาจะเลือกให้นมผงสำหรับทารก
“ข้อมูลที่ไม่จริงและก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการให้นมผงแก่ทารกเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการให้นมแม่ ซึ่งเรารู้กันดีว่า นมแม่นั้นดีที่สุดสำหรับทารกและแม่” แคเธอรีน รัสเซล ผู้อำนวยการบริหารขององค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ UNICEF กล่าว “เราต้องการนโยบายที่เข้มแข็ง กฎหมายและการลงทุนในเรื่องการให้นมแม่เพื่อให้แน่ใจว่าผู้หญิงได้รับการปกป้องจากการตลาดที่ไร้จรรยาบรรณ และพวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลและความช่วยเหลือที่เหมาะสมในการดูแลครอบครัว”
ในทุกประเทศที่ได้ทำการสำรวจ ผู้หญิงแสดงเจตนาชัดเจนว่าต้องการให้นมแม่เพียงอย่างเดียว ซึ่งมีตั้งแต่ร้อยละ 49 ในโมรอคโค ไปจนถึงร้อยละ 98 ในบังคลาเทศ อย่างไรก็ตาม รายงานได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การให้ข้อมูลที่ผิดอย่างต่อเนื่องจากการทำการตลาดนั้นตอกย้ำความเชื่อเกี่ยวกับการให้นมแม่และนมแม่ อีกทั้งบั่นทอนความมั่นใจในความสามารถของแม่ที่จะให้นมได้สำเร็จ ตัวอย่างของความเชื่อเหล่านี้ เช่น ความจำเป็นที่จะต้องให้นมผงแก่ทารกหลังแรกเกิด การที่นมแม่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการพอสำหรับทารก และการที่นมผงบางสูตรได้มีการพิสูจน์แล้วว่าช่วยในการพัฒนาเด็กหรือเพิ่มภูมิคุ้มกัน ตลอดจนมุมมองที่ว่านมผงทำให้ทารกอิ่มนานกว่า และเรื่องที่คุณภาพของนมแม่จะเสื่อมลงเมื่อเวลาผ่านไป
การให้นมแม่แก่ทารกภายในชั่วโมงแรกหลังคลอด ตามด้วยการให้นมแม่เพียงอย่างเดียวตลอดหกเดือนแรก และต่อเนื่องจนถึงสองปีหรือหลังจากนั้น สร้างเกราะป้องกันอย่างดีสำหรับทารกให้ห่างไกลภาวะทุพโภชนาการทุกรูปแบบ ซึ่งรวมถึง น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์และโรคอ้วนด้วย นอกจากนี้ การให้นมแม่ยังทำหน้าที่เป็นวัคซีนเข็มแรกของทารก ซึ่งป้องกันเด็กจากการเจ็บป่วยที่พบได้ทั่วไปในเด็ก ตลอดจนช่วยลดความเสี่ยงของผู้หญิงให้นมบุตรที่จะเป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วนและมะเร็งบางชนิด อย่างไรก็ตาม ทั่วโลกมีเด็กอายุต่ำกว่าหกเดือนเพียงร้อยละ 44 ที่ได้รับนมแม่เพียงอย่างเดียว อัตราการให้นมแม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นน้อยมากในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ในขณะที่ยอดขายนมผงสำหรับทารกเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าในช่วงเวลาเดียวกัน
เป็นที่น่าตกใจเมื่อรายงานเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจำนวนมากในทุกประเทศถูกภาคอุตสาหกรรมอาหารทารกและเด็กเล็กเข้าถึง เพื่อให้จูงใจให้พวกเขาแนะนำแม่มือใหม่ผ่านทางของแถม โปรโมชั่น ตัวอย่างแจกฟรี การให้ทุนสนับสนุนงานวิจัย การจัดประชุมและการจัดกิจกรรมและงานสัมมนาต่างๆ และแม้กระทั่งให้เปอร์เซ็นต์จากยอดขาย ซึ่งกระทบต่อการตัดสินใจของผู้ปกครองโดยตรง มากกว่าหนึ่งในสามของผู้หญิงที่ตอบแบบสำรวจกล่าวว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแนะนำยี่ห้อเฉพาะสำหรับนมผงทารกและเด็ก
เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ องค์การอนามัยโลก องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติและภาคีเครือข่ายกำลังเรียกร้องให้รัฐบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอุตสาหกรรมอาหารทารกและเด็กยุติการส่งเสริมการตลาดแบบแสวงหาผลประโยชน์เช่นนี้ และดำเนินการตามข้อตกลง ซึ่งประกอบด้วย
• ออกกฎหมาย กำกับติดตามและบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันการส่งเสริมการขายนมผงสำหรับทารกและเด็กเล็ก เพื่อให้สอดคล้องกับข้อตกลงระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการห้ามคำกล่าวอ้างทางโภชนาการและทางสุขภาพของอุตสาหกรรมนมผงสำหรับทารกและเด็กเล็ก
• ลงทุนในนโยบายและแผนงานเพื่อส่งเสริมการให้นมแม่ ซึ่งรวมถึงการให้วันลาแบบรับเงินเดือนแก่ผู้ปกครอง โดยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และให้ความช่วยเหลือด้านการให้นมแม่อย่างมีมาตรฐาน
• ร้องขอให้อุตสาหกรรมแสดงเจตจำนงอย่างสาธารณะ ว่าจะปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างประเทศ ตามที่ได้มีมติเห็นชอบในที่ประชุมสมัชชาอนามัยโลก
• ห้ามเจ้าหน้าที่สาธารณสุขรับการสนับสนุนจากบริษัทที่ทำการตลาดอาหารทารกและเด็กเล็ก ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของทุนการศึกษา รางวัล ทุนวิจัย การจัดสัมมนาหรือกิจกรรมต่างๆ
อ่านต้นฉบับ